วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Creative Commons



Creative Commons
1.Creative Commons (CC) หมายถึง เป็นสัญญาอนุญาตด้านลิขสิทธิ์ที่เป็นรูปแบบทางการ เข้าใจง่ายเป็นสากลทั่วโลก แสดงเป็นสัญลักษณ์ลักษณะต่างๆ โดยจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้สร้างสรรค์งาน สามารถแสดงขอบเขตการอนุญาต ให้ผู้อื่นนำงานของตนไปใช้ต่อได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่ผู้สร้างสรรค์งานกำหนดหรือเรียกว่าเป็นการแสดงที่มาของงานชิ้นนั้นๆ

วัตถุประสงค์
ส่งเสริมแนวคิดวัฒนธรรมเสรีและการใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์กับงานสร้างสรรค์ ให้ความคิดสร้างสรรค์สามารถเผยแพร่ไหลเวียนและต่อยอดได้โดยเสรี รณรงค์ให้สังคมไทย โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐและภาคการศึกษา ใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ที่เหมาะสมกับงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะงานที่เป็นภาษาไทย เกี่ยวกับสังคมไทย หรือเกี่ยวกับการศึกษาของไทย

 
                                          
2. ครีเอทีฟคอมมอนส์ในประเทศไทย
- ดำาเนินงานโดยเครือข่ายครีเอทีฟคอมมอนส์ประเทศไทย
- ต้นปี2552 แปลงสัญญาอนุญาตเป็นฉบับประเทศไทยเสร็จสิ้น•ส่งเสริมสนับสนุนการใช้ครีเอทีฟคอมมอนส์ผ่านการจัดกิจกรรม(งานเปิดตัว, CC Salon, ออกบูท) ประชาสัมพันธ์และหารือกับหน่วยงานที่มีข้อมูลและกลุ่มเป้าหมายต่างๆเช่นบล็อกเกอร์นักสร้างสรรค์งานศิลปะ
- ผลักดันแนวคิดการสงวนสิทธิ์อย่างสมเหตุสมผลในระดับนโยบายและโครงการภาคสังคมขนาดใหญ่เช่นห้องสมุดดิจิทัล
ของไทย
- เนื้อหาในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทั้งหมดเป็น Creative Commons
- งานวิจัยทั้งหมดบนเว็บของ TDRI (สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย)
- ผู้ให้บริการบล็อก GotoKnow เพิ่มตัวเลือกให้ผู้เขียนบล็อกสามารถบอกว่าเนื้อหาในบล็อกของตัวเองเป็น CCได้ ถ้าเข้าไปดูใน G2K ตอนนี้จะมีโลโก้ CC เต็มไปหมด (Exteen กับ Diaryis ก็รีบๆ นะครับ กดดันออกอากาศเลย)
- ผลงานของกลุ่มคนทำหนังสั้นและสื่ออิสระ บนเว็บไซต์ Fuse.in.th ในเครือ Bioscope
- นิตยสารออนไลน์ OnOpen (หมายเหตุ: ผมไปเขียนคอลัมน์ให้เขาด้วย พื้นที่โฆษณา)
- Joys Magazine วารสารออนไลน์ด้านเกม การ์ตูน และไลฟ์สไตล์
- บล็อกของ phuphu บล็อกเกอร์คนดัง Exteen

3.สัญลักษณ์ Creative Commons

แสดงที่มา (Attribution: by)
คุณต้องแสดงที่มาของงานดังกล่าวตามรูปแบบที่ผู้สร้างสรรค์หรือผู้อนุญาตกำหนด (แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่ว่าพวกเขาสนับสนุนคุณหรือสนับสนุนการที่คุณนำงานไปใช้) .

ไม่ใช้เพื่อการค้า (Noncommercial: nc)
คุณไม่อาจใช้งานนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า .

ไม่ดัดแปลง (No Derivative Works: nd)
คุณไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือสร้างงานของคุณจากงานนี้ .

อนุญาตแบบเดียวกัน (Share Alike: sa)
หากคุณดัดแปลง เปลี่ยนรูป หรือต่อเติมงานนี้คุณต้องใช้สัญญาอนุญาตแบบเดียวกัน หรือแบบที่เหมือนกับหรือที่เข้ากันได้กับสัญญาอนุญาตที่ใช้กับงานนี้เท่านั้น .



ทั้งนี้สัญลักษณ์ดังกล่าวสามารถนำมาใช้ร่วมกันเช่น

หมายถึง สามารถใช้ชิ้นงานดังกล่าวได้โดยต้องแสดงที่มา และหากมีการดัดแปลงชิ้นแปลงก็จะต้องเผยแพร่งานโดยใช้สัญญาอนุญาตในแบบเดียวกันนี้ต่อไป

หมายถึง สามารถใช้งานดังกล่าวได้โดยต้องแสดงที่มา เว้นแต่ไม่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการค้า และไม่ให้ดัดแปลงชิ้นงานดังกล่าวด้วย

4.การสร้างไฟล์ Creative Commons 
สร้างไฟล์ภาพสำหรับเว็บด้วย Paint
- โปรแกรม Paint เป็นโปรแกรมมาตรฐานของ Windows ทุกรุ่น โดยเฉพาะ Windows 98 เป็นต้นไป ได้เพิ่มความสามารถในการจัดเก็บไฟล์ (Save) ในฟอร์แมต .GIF และ .JPG ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกในการสร้างไฟล์กราฟิกสำหรับเว็บแบบง่ายๆ และรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างการสร้างงานดังนี้
เปิดโปรแกรมที่ต้องการนำภาพมาใช้งาน เช่น Microsoft Word, Excel หรือ PowerPoint
ปรับแต่งรูปภาพตามต้องการ เช่น ย่อขนาด



- คลิกเลือกภาพ แล้วเลือกเมนูคำสั่ง Edit, Copy (แก้ไข, คัดลอก) เพื่อบันทึกรูปภาพไว้ในหน่วยความจำ
เรียกใช้โปรแกรม Paint โดยคลิกปุ่ม Start จากแถบสั่งงาน แล้วเลือกรายการ Program, Accessories, Paint
เมื่อปรากฏหน้าจอโปรแกรม Paint ให้ใช้เมนูคำสั่ง Image, Attribute เพื่อตั้งค่าพื้นที่ทำงานให้มีขนาดเล็ก เช่นขนาด 100 x 100 Pixels






- จากนั้นเลือกเมนูคำสั่ง Edit, Paste เพื่อวางภาพลงในโปรแกรม ถ้าโปรแกรมปรากฏหน้าต่างสอบถามการวาง ให้คลิกปุ่ม Yes





จากนั้นเลือกเมนูคำสั่ง File, Save (หรือ File, Save As..) ตั้งชื่อไฟล์, ไดร์ฟ และเลือกรูปแบบของภาพเป็น .GIF หรือ .JPG ตามที่ต้องการ

เว็บที่ใช้ Creative Commons 


ที่มา : http://www.dlo.co.th/node/200


วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client)ระบบเครือข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ใช้ ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ
แล้วทำไมเราถึงต้องใช้เครือข่าย หรือระบบคอมพิวเตอร์เครือข่าย การที่เรานำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกัน เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ หรือระบบสามารถทำอะไรได้บ้าง ทำให้ใช้ทรัพยากร ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ร่วมกันได้ (Resources Sharing) ซึ่งเป็นการช่วย ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสะดวก ในการใช้งาน เช่น การใช้พื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ และเครื่องพิมพ์ร่วมกันสามารถบริหารจัดการการทำงานของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ได้จากศูนย์กลาง (Centralized Management) เช่น สร้างเวิร์กกรุป กำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล และสามารถทำการ สำรองข้อมูล ของแต่ละเครื่องได้ สามารถทำการสื่อสาร ภายในเครือข่าย (Communication) ได้หลายรูปแบบ เช่น อีเมล์, แชท (Chat), การประชุมทางไกล (Teleconference), และ การประชุมทางไกล แบบเห็นภาพ (Video Conference)มีระบบรักษาความปลอดภัย ของข้อมูล บนเครือข่าย (Network Security) เช่นสามารถ ระบุผู้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล ในระดับต่างๆ ป้องกันผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาติ เข้าถึงข้อมูล และให้การคุ้มครอง ข้อมูลที่สำคัญ ให้ความบันเทิงไม่รู้จบ (Entertainment) เช่น สามารถสนุกกับ การเล่นเกมส์ แบบผู้เล่นหลายคน หรือที่เรียกว่า มัลติ เพลเยอร์(Multi Player) ที่กำลัง เป็นที่นิยมกันอยู่ในเวลานี้ได้
ใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมกัน (Internet Sharing) เพียงต่อเข้าอินเทอร์เน็ต จากเครื่องหนึ่งในเครือข่าย โดยมีแอคเคาท์เพียงหนึ่งแอคเคาท์ ก็ทำให้ผู้ใช้อีกหลายคน ในเครือข่ายเดียวกัน สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เสมือนกับมีหลายแอคเคาท์
ฯลฯ

ระบบเครือข่ายชนิดต่างๆ



ระบบเครือข่าย สามารถเรียกได้ หลายวิธี เช่นตามรูปแบบ การเชื่อมต่อ (Topology) เช่น แบบบัส (bus), แบบดาว (star), แบบวงแหวน (ring) หรือจะเรึยกตามขนาด หรือระยะทางของระบบก็ได้ เช่นแลน (LAN), แวน (WAN), แมน (MAN) นอกจากนี้ ระบบเครือข่าย ยังสามารถ เรียกได้ตาม เทคโนโลยีที่ไช้ ในการส่งผ่านข้อมูล เช่น เครือข่าย TCP/IP, เครือข่าย IPX, เครือข่าย SNA หรือเรียกตาม ชนิดของข้อมูล ที่มีการส่งผ่าน เช่นเครือข่าย เสียงและวิดีโอ
เรายังสามารถจำแนกเครือข่ายได้ ตามกลุ่มที่ใช้เครือข่าย เช่น อินเตอร์เน็ต (Internet), เอ็กซ์ตร้าเน็ต (Extranet), อินทราเน็ต (Intranet), เครือข่ายเสมือน (Virtual Private Network) หรือเรียก ตามวิธีการ เชื่อมต่อทางกายภาพ เช่นเครือข่าย เส้นใยนำแสง, เครือข่ายสายโทรศัพท์, เครือข่ายไร้สาย เป็นต้น จะเห็นได้ว่า เราสามารถจำแนก ระบบเครือข่าย ได้หลากหลายวิธี ตามแต่ว่า เราจะพูดถึง เครือข่ายนั้นในแง่มุมใด เราจำแนก ระบบเครือข่าย ตามวิธีที่นิยมกัน 3 วิธีคือ รูปแบบการเชื่อมต่อ (Topology), รูปแบบการสื่อสาร (Protocol), และ สถาปัตยกรรมเครือข่าย (Architecture)



ฮับ (HUB)

ฮับ (HUB)หรือ เรียก รีพีทเตอร์ (Repeater) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ ฮับ มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง ไปยังพอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อมากจะทำให้อัตราการส่งข้อมูลลดลง



ไคลเอนต์ (Client)

ไคลเอนต์ (Client)หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องลูกข่าย เป็นคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายที่ร้องขอ บริการและเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ไคลเอนต์ เป็นคอมพิวเตอร์ ของผู้ใช้แต่ละคนในระบบเครือข่าย



เซิร์ฟเวอร์ (Server)

เซิร์ฟเวอร์ (Server)หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องแม่ข่าย เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หลักในเครือข่าย ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและให้บริการไฟล์ข้อมูลและทรัพยากรอื่นๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ใน เครือข่าย โดยปกติคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์มักจะเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง และ มีฮาร์ดดิกส์ความจำสูงกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย



ซอฟเเวร์ที่ใช้ในระบบ คือ Linux



การจำแนกระบบเครือข่าย ตามรูปแบบการเชื่อมต่อ (Topology) จะบอกถึงรูปแบบ ที่ทำการ เชื่อมต่ออุปกรณ์ ในเครือข่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งมีรูปแบบที่นิยมกัน 3 วิธีคือ

แบบบัส (bus)



ในระบบเครือข่าย โทโปโลยีแบบ BUS นับว่าเป็นแบบโทโปโลยีที่ได้รับความนิยมใช้กันมากที่สุดมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือสามารถติดตั้งระบบ ดูแลรักษา และติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมได้ง่าย ไม่ต้องใช้เทคนิคที่ยุ่งยากซับซ้อน ลักษณะการทำงานของเครือข่ายโทโปโลยีแบบ BUS คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครือข่ายจะต้องเชื่อมโยงเข้ากับสายสื่อสารหลัก ที่เรียกว่า "บัส" (BUS) เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่งข้อมูลไปให้ยังอีกโหนด หนึ่งภายในเครือข่าย ข้อมูลจากโหนดผู้ส่ง จะถูกส่งเข้าสู่สายบัส ในรูปของแพ็กเกจ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะประกอบด้วยตำแหน่งของ ผู้ส่งและผู้รับ และข้อมูล การสื่อสารภายในสายบัส จะเป็นแบบ 2 ทิศทางแยกไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของบัส โดยตรงปลายทั้ง 2 ด้านของบัสจะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ดูดกลืนสัญญาณ เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลนั้นสะท้อนกลับ เข้ามายังบัสอีก เป็นการป้องกันการชนกันของสัญญาณ ข้อมูลอื่น ๆ ที่เดินทางอยู่บนบัส สัญญาณข้อมูลจากโหนดผู้ส่ง เมื่อเข้าสู่บัสจะไหลผ่านไปยังปลายทั้ง 2 ข้างของบัส แต่ละโหนดที่เชื่อมต่อเข้ากับบัส จะคอยตรวจดูว่าตำแหน่งปลายทาง ที่มากับแพ็กเกจข้อมูลนั้น ตรงกับตำแหน่งของตนหรือไม่ ถ้าใช่ก็จะรับข้อมูลนั้นเข้ามาสู่โหนดตน แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะปล่อยให้สัญญาณข้อมูลนั้นผ่านไป จะเห็นว่าทุก ๆ โหนดภายในเครือข่ายแบบ BUS นั้นสามารถรับรู้สัญญาณข้อมูลได้ แต่จะมีเพียงโหนดปลายทางเพียงโหนดเดียวเท่านั้น ที่จะรับข้อมูลนั้นไปได้
การควบคุมการสื่อสารภายในเครือข่ายแบบ BUS มี 2 แบบคือ แบบควบคุมด้วยศูนย์กลาง (Centralized) ซึ่งจะมีโหนดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการสื่อสารภายในเครือข่าย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์ การควบคุมแบบกระจาย (Distributed) ทุก ๆ โหนดภายในเครือข่าย จะมีสิทธิในการควบคุมการสื่อสาร แทนที่จะ เป็นศูนย์กลางควบคุมเพียงโหนดเดียว ซึ่งโดยทั่วไปคู่โหนดที่กำลังทำการส่ง-รับ ข้อมูลกันอย ู่จะเป็นผู้ควบคุมการสื่อสารในเวลานั้นข้อดีข้อเสียของโทโปโลยีแบบบัส

แบบดาว (star)



เป็นหลักการส่งและรับข้อมูล เหมือนกับระบบโทรศัพท์ การควบคุมจะทำโดยสถานีศูนย์กลาง ทำหน้าที่เป็นตัวสวิตชิ่ง ข้อมูลทั้งหมดในระบบเครือข่าย จะต้องผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง (Center Comtuper) เป็นการเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสาร ที่มีลักษณะคล้ายกับรูปดาว (STAR) หลายแฉก โดยมีศูนย์กลางของดาว หรือฮับ เป็นจุดผ่านการติดต่อกันระหว่างทุกโหนดในเครือข่าย ศูนย์กลาง จึงมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่อสารทั้งหมด นอกจากนี้ศูนย์กลางยังทำหน้าที่ เป็นศูนย์กลางข้อมูลอีกด้วย
การสื่อสารภายในเครือข่ายแบบ STAR จะเป็นแบบ 2 ทิศทาง โดยจะอนุญาตให้มีเพียงโหนดเดียวเท่านั้น ที่สามารถส่งข้อมูลเข้าสู่เครือข่ายได้ จึงไม่มีโอกาสที่หลายๆ โหนดจะส่งข้อมูลเข้าสู่เครือข่ายในเวลาเดียวกัน เพื่อป้องกันการชนกันของสัญญาณข้อมูล เครือข่ายแบบ STAR เป็นโทโปโลยี อีกแบบหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ข้อดีของเครือข่ายแบบ STAR คือการติดตั้งเครือข่ายและการดูแลรักษาทำได้ง่าย หากมีโหนดใดเกิดความเสียหาย ก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย และศูนย์กลางสามารถตัดโหนดนั้นออกจากการสื่อสาร ในเครือข่ายได้

แบบวงแหวน (ring)



เครือข่ายแบบ RING เป็นการส่งข่าวสารที่ส่งผ่านไปในเครือข่าย ข้อมูลข่าวสารจะไหลวนอยู่ในเครือข่าย ไปในทิศทางเดียว เหมือนวงแหวน หรือ RING นั่นเอง โดยไม่มีจุดปลาย หรือเทอร์มิเนเตอร์ เช่นเดียวกับเครือข่ายแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรือสเตชั่น จะมีรีพีตเตอร์ประจำโหนด 1 เครื่อง ซึ่งจะทำหน้าที่เพิ่มเติมข่าวสารที่จำเป็นต่อการสื่อสาร ในส่วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล สำหรับการส่งข้อมูลออกจากโหนด และมีหน้าที่รับแพ็กเกจข้อมูล ที่ไหลผ่านมาจากสายสื่อสาร เพื่อตรวจสอบว่าเป็นข้อมูล ที่ส่งมาให้โหนดตนหรือไม่ ถ้าใช่ก็จะคัดลอกข้อมูลทั้งหมดนั้น ส่งต่อไปให้กับโหนดของตน แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมูลนั้นไปยังรีพีตเตอร์ของโหนดถัดไป

ที่มา : http://bell011.exteen.com/20101128/entry-6


วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความเเตกต่างระหว่างข้อมูลเเละสารสนเทศ

ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ฯลฯ ข้อมูล จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการ รวบรวม ข้อมูลอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ดังจะเห็นจาก กระบวนการเลือกตั้ง หลายพรรค การเมือง มีการใช้เทคโนโลยีรวบรวมข้อมูล หาวิธีการที่จะให้ได้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว และเมื่อ สถานการณ์หรือเหตุการณ์บางอย่างเกิดผันแปรขึ้น การเตรียมการหรือการแก้สถานการณ์ จะดำเนินการได้อย่างทันที 
สารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉลี่ย หรือใช้ เทคนิคขั้นสูง เช่นการวิจัยดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไปให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์ หรือ มีความเกี่ยว ข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหรือตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ สารสนเทศ ประกอบด้วยข้อมูล เอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย สารสนเทศไม่ใช่จำกัดเฉพาะเพียงตัวเลขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 

ความเเตกต่างระหว่างข้อมูลเเละสารสนเทศ
ข้อมูล คือ สิ่งที่ทำให้เรารู้ถึงคุณลักษณะ เหตุการณ์ หรือกิจกรรมต่างๆ หรือเรียกง่ายๆว่าปัจจัยสำคัญ
สารสนเทศ คือ นำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อหาข้อมูลที่เชื่อถือได้

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10 อันดับภาพวาดที่เหมือนที่สุดในโลก

อันดับที่ 10
Splash
ภาพแรกกับภาพ "น้ำกระจาย" อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อนะเนี่ย เนียนจริงๆ
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 2
อันดับที่ 9
Female Portrait
ภาพวาดผู้หญิงที่สวยกว่าตัวจริง(หรือเปล่า) งามหยดเลยทีเดียว 
(ไม่ไช่ว่าปริ้นออกมาเหรอเนี่ย เนียนจริงๆ)
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 3
อันดับที่ 8
Under Water Scene
ตอนแรกคิดว่าเป็นภาพแอบถ่าย ของหนุ่มๆ ที่แอบถ่ายสาวหุ่นดีใต้น้ำ ช้ำใจเลยที่เป็นภาพเขียน!!

10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 4
อันดับที่ 7
Graffiti and Wood Peeling
ภาพวาด ลาย Graffiti บนแผ่นไม้ ที่ดูยังไงๆก็ไม้ของจริงชัดๆ
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 5
อันดับที่ 6
People Swimming
ภาพวาดคนว่ายน้ำ ว่าแต่วาดเจ้าหนูในภาพได้เหมือนมีชีวิตมากๆ

10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 6
อันดับที่ 5
Self Portrait
สาบานมานะว่าไม่ใช่รูปถ่าย วาดได้มีชีวิต มากมาย
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 7
อันดับที่ 4
Lunch In Tiburon
ภาพวาดบนโต๊ะอาหาร เนียนมากๆ เห็นเม็ดพริกไทเลยนะนั่น
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 8
อันดับที่ 3
Station Scene
ภาพสถานีรถไฟที่ดูยังไงๆก็รูปถ่ายชัดๆ
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 9
อันดับที่ 2
Milk Girl
เห็นชื่อภาพแล้วหลายๆคนคงคิดไปไกล!!!! 

ก็แค่รูปเด็กสาวกินนมกล่องเท่านั้นเอง !!!! ว่าแต่ ภาพแน่เหรอ?
10 อันดับภาพวาดที่เหมือนภาพถ่าย ที่สุดในโลก :-
ภาพที่ 10
อันดับที่ 1
the-winter
เห็นภาพอันดับที่ 1 แล้วไม่มีคำบรรยายเพราะเนียนมากๆ

เครดิต : http://www.siamfishing.com/content/view.php?nid=123078&cat=living

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10 สถานที่ลับของโลก

10 สถานที่ ลับของโลก

โลกนี้เต็มไปด้วยความลับ โดยเฉพาะบางสถานที่ ที่เราไม่ทราบความจริง มันคือสถานที่อะไรกันแน่ ส่วนเราก็ไม่สามารถที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่ดังกล่าวได้อีก และนี้คือ 10 สถานที่ ลับที่มีชื่อเสียงของโลก ที่ไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมชน



Mezhgorye



เป็นเมืองปิดของรัสเซียที่อเมริกาให้ความสนใจว่ามันคือเมืองอะไรกันแน่ เชื่อว่าเมืองนี้ยังคงมีบ้านคนทำงานอะไรบางอย่างที่เป็นความลับสุดยอด เมืองนี้ก่อตั้งในปี 1979 ท่ามกลางหุบเขา Yamantaw สูงกว่า 1640 เมตร(5381 ฟุต) ซึ่งเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของเทือกเขายูเร็ลส มีประชากรประมาณ 17,464คน(ปี2006) โดยอเมริกาสงสัยว่าเมืองแห่งนี้อาจเป็นฐานปล่อยจรวดนิวเคลียร์ลับ โดยอเมริกาได้ใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมในการถ่ายสภาพเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง ส่วนทางรัสเซียก็ออกมาแก้ต่างว่ามันเป็นเพียงเหมืองแร่ธรรมดาเท่านั้นเอง และนอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ใช้เก็บอาหารและเชื้อเพลิงสำหรับผู้นำของเขาใน กรณีเกิดสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้น



Vatican Secret Archives



หอจดหมายเหตุลับของวาติกัน ตั้งอยู่ในนครวาติกัน ในห้องใต้ดินของหอสมุดวาติกัน เป็นศูนย์กลางเก็บข้อมูลเอกสารสำคัญทั้งแบบเปิดและแบบปกปิดหลายชิ้นของ วาติกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบม้วนหนังสือ แผ่นหนัง และชุดหนังสือทำด้วยผืนหนัง บางชนิดมีอายุมากมายเกินกว่าศตวรรษ ตัวอย่างเอกสารลับของวาติกันดังกล่าว ได้แก่ จดหมายของพระสันตะปาปาถึงฮิตเลอร์ จดหมายของพระนางแมรี่ ราชินีแห่งสก๊อต บางเอกสารดังกล่าวมักเป็นเรื่องราวความขัดแย้งและการกล่าวหาจากบุคคลในวงการ วิทยาศาสตร์และศิลปะ เช่นเอกสารจากการพิพากษากาลิเลโออย่างไม่ถูกต้อง จดหมายโต้ตอบกันกับอีรามุส โวแตร์และโมสาร์ท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่มากมายที่ไม่เปิดเผยเนื่องจากจะมีผลต่อจิตใจของ ประชาชนชาวคริสต์ ซึ่งแน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้ห้ามประชาชนทั่วไปเข้า นักวิจัยต้องกรอกเอกสารให้ชัดเจนและละเอียดในการขอเอกสารต่างๆ เพื่อจะได้เห็นมัน และสถานที่แห่งนี้ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เทวากับซาตาน



Area 51



พื้นที่ 51 เป็นชื่อเล่นของฐานทัพทหารและพื้นที่ต้องห้ามแม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังไม่มีสิทธิจะเข้ามา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา ในสหรัฐอเมริกาตะวันตก ห่างจากดาวน์ทาวน์ในลาสเวกัส 83 ไมล์ (133 กม.) ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของ “กรูม เลก” ในบริเวณพื้นที่ทางทหารการบินลับขนาดใหญ่ มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและทดสอบอากาศยานและระบบอาวุธสร้างขึ้นใน ปี ค.ศ. 1955 โดยฐานลับการทหารนี้ถูกตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดสอบ และพัฒนาเครื่องบินรบแบบใหม่ และเนื่องด้วยความเข้มงวดของกองทัพและรัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของ พื้นที่ 51 เหมือนกับพวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรอยู่ ทำให้มีหลายคนต้องข้อสมมุติฐานเรื่องทฤษฏีสมคบคิด ว่าพื้นที่แทบนี้มักมีวัตถุบินลึกลับปรากฏออกมาบ่อยๆ เลยสันนิษฐานว่ามันคือฐานทัพของมนุษย์ต่างดาว



Club 33



Club 33 เป็นชื่อสโมสรเอกชน ที่เป็นห้องที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนสนุกนิวออสแควร์(New Orleans Square) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดีสนีย์แลนด์ ในนิวออร์ลีน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยชมรมนี้ตั้งอยู่ใกล้กับร้านอาหาร Blue Bayou ซึ่งเป็นสถานที่ที่ประชาชนทั่วไปห้ามเข้า โดยคนที่เข้าได้สมาชิกซึ่งมีเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะเข้าได้โดยการกดกริ่ง บนแผงที่ซ่อนที่ทางเข้าประตู(และต้องใส่บัตรสมาชิกด้วนย) แล้วพนักงานต้อนรับจะถามชื่อเราผ่านอินเตอร์คอมและจะเปิดล็อกประตูเพื่อเข้า ไปข้างใน แน่นอนเราไม่รู้ข้างในมันเป็นยังไง แต่คาดว่าน่าจะเป็นร้านอาหารหรือห้องพักวีไอพี และมีพิธภัณฑ์ของดีสนีย์ที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน และของใช้สำหรับคนดังแปลกๆ มากมาบ เช่นเปียโนของเอลตันจอห์น ภาพวาดของดีสนีย์ นอกจากนี้คลับ 33 ยังถูกตั้งในโตเกียวดีสนีย์แลนด์ด้วย



Moscow Metro-2



Moscow Metro-2 เป็นสายรถไฟฟ้าใต้ดินลับในกรุงมอสโก รัสเซีย ที่ทางการรัสเซียปฏิเสธตัวตนการมีอยู่ของมัน หากแต่มีหลายคนสงสัยว่ามันมีอยู่จริง คาดคะเนว่ามันน่าจะถูกสร้างในช่วงที่สตาลินครองอำนาจ ภายใต้ชื่อรหัส D-6 โดย KGB ส่วนระยะทางเป็นข่าวลือว่ามันน่าจะมีสี่สาย ระยะทางกว่า 50-200 เมตร มีไว้เพื่อติดต่อกับสถานที่สำคัญในรัสเซียคือ เครมลินกับสำนักงานใหญ่ FSB สนามบินรัฐบาล(Vnukovo-2) และเมืองใต้ดิน(ที่ Ramenki) นอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่มีความสำคัญระดับชาติอีกมากที่เชื่อกันว่าเชื่อมติดกับรางรถไฟฟ้าสายนี้



White’s Gentlemen’s Club



ไวท์ เป็นคลับ ตั้งอยู่ในบ้านเลขที่ 4 เชสเตอร์ฟิลด์ ถนน 1693 ก่อตั้งในปี 1693 โดยชาวอิตาลี ฟรานเชนโก้ บิอังโค เพื่อขายช็อกโกแลตร้อนที่ค้นพบใหม่(สมัยก่อนเป็นสินค้าหายากและมีราคาแพง) ทำให้ชื่อเดิมของสถานที่นี้ว่าบ้านช็อกโกแลตไปด้วย สมัยก่อนเคยเป็นที่พบปะของบุคคลชั้นสูงเพื่อพูดเรื่องการเมือง เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส และสงครามนโปเลียน ปัจจุบันกลายเป็นสโมสรที่นัดพบปะของสุภาพบุรุษที่มีชื่อเสียง ที่เข้าได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น ซึ่งในอดีตสมาชิกแต่ละคนล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อประเทศอังกฤษ ทั้งสิ้น



Room 39



ห้อง 39 นั้นเป็นชื่อสำนักงานหรือหน่วยงานลับที่คาดว่าที่ทำการอยู่ที่อาคารพรรคแรง งาน ในเปียงยาง เกาหลีเหนือ ก่อตั้งในปี 1970 โดยมีวัตถุประสงค์ในการรักษาเงินและเพิ่มเงินตราต่างประเทศในกระเป๋าของท่าน ผู้นำคิม จอง อิลโดยไม่เกี่ยงวิธีการ โดยอย่างที่รู้กันว่าประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศสันโดษ ความเป็นอยู่ในสภาพอดอยาก ประชาชนเป็นอยู่อย่างยากแค้น ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาหลายด้าน ทำให้ท่านผู้นำไม่สามารถหาเงินหรือใช้เงินได้สะดวก ดังนั้นองค์กรนี้จึงได้ตั้งขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ คาดว่าองค์กรนี้มีบัญชีในธนาคารประเทศจีนหรือสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์ ในการ ฟอกเงิน ตั้งกองทุนปลอม ปลอมแปลงเงิน นอกจากนี้องค์กรห้อง 39 ยังถูกกล่าวหาว่าทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ค้าอาวุธ ลักลอบขนยาเสพย์ติด และการใช้เงินเพื่อสนับสนุนทางการเมืองและสร้างอาวุธนิวเคลียร์ แต่องค์กรเกาหลีเหนือกลับออกมาปฏิเสธในเรื่องเหล่านี้



Ise Grand Shrine



ศาลเจ้าอิเซะ จิงงุ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่และศักดิ์สิทธิที่สุดของประเทศญี่ปุ่นที่คาดว่าจะมีอายุ 2000 ปี ตั้งอยู่ในเมืองอิเซะ ประกอบด้วยศาลเจ้าสองแห่ง คือศาลชั้นในที่เรียกว่าโคไตจิงงุ(ไนกุ)มีไว้สักการบูชาเทพอะมะเทะระซุ โอมิกะมิ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ศาลชั้นนอกเรียกว่า โทะโยเกะไดจิงงะ(เงะกู)สร้างขึ้นเพื่ออุทิศเทพเจ้าโทะโยะเกะ โอมิกะมิ นอกจากนี้ศาลเจ้าแห่งนี้ยังถือว่าเป็นสถานที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ จักรพรรดิญี่ปุ่น ศาลจะถูกรื้อและสร้างใหม่ทุก 20 ปี โดยยังคงรักษาแนวคิดชินโตแห่งความตายและเกิดใหม่(สร้างใหม่ต่อไปจะเป็นปี 2013)และสถานที่คนธรรมดาอย่างเราสามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะบุคคลกลุ่มเดียวที่สามารถไปได้ก็คือพระหรือสมาชิกในครอบครัวจักรพรรดิ ญี่ปุ่นเท่านั้น ดั้งนั้นหากเรามีญาติเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงแล้วไม่เคยมาที่นี้ก็ลองไปดู สักครั้งในชีวิตละกัน



Mount Weather Emergency Operations Center



มันเป็นสถานที่มีระบบป้องกันภัยสูงสุด และไม่เฉพาะแค่ไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าเท่านั้น มันยังเป็นสถานที่ความหวังของประชาชนในการระวังภัยต่างๆ ละมันก็คือ ศูนย์ปฏิบัติการเหตุฉุกเฉินทางอากาศ เป็นสถานีวิทยุที่มีขนาดใหญ่กว่า 434 ไร่ นอกจากนี้ยังมีห้องใต้ดินกว่า 600,000 ฟุต ตั้งอยู่ในเทือกเขาบลูริดจ์ เวอร์จิเนีย สร้างขึ้นมรปี 1950 ในสงครามเย็นและยังคงดำเนินการจนถึงทุกวันนี้ โดยสถานที่นี้เป็นสถานที่ควบคุมความถี่สูง ระบบวิทยุเชื่อมต่อหน่วยงานกลางมากที่สุดเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชนและทหาร สหรัฐ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเตือนภัย ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นความหวังสุดท้ายของสหรัฐและมันคงวุ่นวายมากหากเกิด ขึ้นอะไรกับมัน



RAF Menwith Hill



เป็นฐานทัพทางการทหารที่ตั้งอยู่ในเมืองยอร์คเชียร์ ประเทศอังกฤษ ในเนินเขา Menwith มีหน้าที่ดูแลเครือข่ายทั่วโลก สอดแนม ขัดขวาง ตัดการติดต่อ หรือติดต่อสื่อสาร ซึ่งว่ากันว่านี้เป็นสถานีตรวจคลื่นอินเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ ดำเนินการโดยสำนักงานแห่งชาติสหรัฐในนามความมั่งคงแห่งชาติ ซึ่งที่แห่งนี้มีเทคโนโลยีการตรวจจับดักฟัง ซึ่งเป็นเครือข่ายการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ที่กระทำโดยรัฐบาลของชาติมหาอำนาจในโลก ซึ่งจะทำการเก็บและวิเคราะห์การติดต่อสื่อสารทางอีเลคโทรนิคนับล้านๆ ครั้งในแต่ละวัน มาใส่ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ที่สลับซับซ้อน ขณะที่รายละเอียดสำคัญมากมายถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด อย่างเช่น จำนวนของข้อมูลข่าวสาร แน่นอนหนึ่งในข้อมูลเหล่านั้นย่อมมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแน่นอน โดยข้อมูลเหล่านั้นที่เด่นๆก็เช่นสงครามเย็น, ก่อการร้าย, ยาเสพติด, การเมือง, การทูต ฯลฯ และสังเกตว่า ณ บริเวณนั้น มีวัตถุทรงกลมประหลาดขนาดใหญ่แปลกๆ ถูกติดตั้งกระจายอยู่เต็มพื้นดิน มันมีชื่อเรียกว่า “radomes” ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่ออะไร แต่จากเอกสารรายงานระบุว่ามันมีหน้าที่ดักจับข้อมูลที่ถูกส่งผ่านไปมา ไม่ว่าการส่งอีเมล หรือการคุยโทรศัพท์มือถือ จะถูกลำเลียงผ่าน ไปยังเครือข่าย สามารถวิเคราะห์ แยกแยะ ถ่ายโอน และลำเลียงใหม่ข้อมูลที่ดักจับไว้ได้ แต่การปฏิบัติงานภายในของมันก็ยังคงเป็นความลับที่ยั่วให้คนอยากรู้ต่อไป
ที่มา : http://pantip.com/topic/30876652

เเนะนำตัวค่ะ

ดีค่ะ 
ชื่อ เเพรวพิราศ วิเศษเผ่า 
ชื่อเล่น คิว 
เกิดวันที่ 22 มิถุนายน 1995 อายุ 18 ปี 
กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายวิทย์-คณิต 
ที่อยู่ปัจจุบัน 1/3 ม.15 เเขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพ 10530
ติดต่อได้ทาง E-mail : kew_kewly@hotmail.com
การวางเเผนการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจจะเรียนสาขา บริหารการจัดการ
ที่มหาลัยเทคโนโลยีมหานคร
ยังไงก็ฝากเพื่อนช่วยติดตามกันหน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ :)